อดีตเคยยึดอาชีพเป็น “เหยี่ยวข่าวสายบันเทิง” อยู่ระยะหนึ่งจึงได้พบปะ “คนบันเทิง” มาตลอดเลยถนัดกับงาน “สายบันเทิง” มากกว่าการเป็น “เหยี่ยวข่าว” ที่มีการทำงานแบบ “จำกัดความสามารถ” เพราะนโยบายการทำงานในช่วงนั้นถูก “ต้นสังกัด” วางกฎกติกาไว้ว่า “นโยบายอยู่เหนือเหตุผล” ด้วยเหตุนี้ “โชติพันธ์ เทียบปิ่นหยก” อดีตเหยี่ยวข่าวสายบันเทิงจึง “จบชีวิต” การเป็น “เหยี่ยวข่าว” ด้วยการอำลาออกมาทำธุรกิจ “สายบันเทิง” โดยเปิดบริษัทรับ “ผลิตมิวสิกฯวิดีโอฯ” ให้กับค่ายเพลงทั่วไปทั้ง “ลูกทุ่ง” และ “ลูกกรุง” อยู่ได้ระยะก็ต้องทิ้งอาชีพการเป็น “ผู้ผลิต” เนื่องจากรายได้ในระยะหลัง “ไม่เพียงพอ” กับรายจ่ายที่สูงขึ้น ๆ ตามความเจริญของ “สายงาน” ชีวิตช่วงนั้นจึงตกอยู่ในขั้น “ลำบาก” เอาการเพราะต้องดูแล “ทีมงาน” อีกนับสิบชีวิตจึงเกิดอาการ “ท้อแท้” กับ “โชคชะตา” อยู่ระยะแต่ก็มี   “ผู้ใหญ่” คอยให้กำลังใจด้วยการมอบ “เหรียญสมเด็จโตวัดระฆัง” ที่สร้างในสมัย “หลวงปู่นาควัดระฆัง” มาหนึ่งองค์พร้อมกำชับว่า “ให้หมั่นสวดมนต์ขอพรจากท่าน”

อดีตเหยี่ยวข่าวบันเทิง “โชติพันธ์” หรือ “ไอ้โชติ” ของเพื่อน ๆ ที่ช่วงนั้นไม่เคยสนใจกับ “วัตถุมงคล” ใด ๆ มาก่อนเลยได้แต่อาราธนาขึ้นแขวนคอพร้อมหมั่น “สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน” เพราะผู้ใหญ่ที่มอบเหรียญ “สมเด็จโต” กำชับไว้ว่า  “หากเป็นผู้ประพฤติดีแล้ว ความดีของเราก็จะช่วย เราเอง”
        
ซึ่งแม้จะเป็นผู้ที่ไม่เคย “ยึดติด” หรือเชื่อในสิ่งเหล่านี้มาก่อนแต่เพราะเป็นผู้นับถือ “ศาสนาพุทธ” มาตั้งแต่เกิดเฉกเช่นบรรพบุรุษอดีตเหยี่ยวข่าวบันเทิงผู้นี้ก็ “ไม่ได้ลบหลู่” เพราะในสมัยเป็นเด็กก็รู้จักเข้าวัดมาก่อนเพียงแต่ระยะหลังต้อง “รับผิดชอบ” ทีมงานหลายชีวิตจึงหาเวลา “เข้าวัด” เฉกเช่นสมัยเด็กไม่ค่อยได้ประกอบกับเป็น “วัตถุมงคล” องค์แรกในชีวิตที่ผู้ใหญ่มอบมาด้วย “ความเมตตา” จึงอาราธนาขึ้นแขวนคอพร้อมหมั่นสวดมนต์เรื่อยมาประมาณ “ครึ่งปี” ก็เริ่มรู้สึกว่า “ชีวิตเริ่มดีขึ้น” คือทำกิจการใดก็ลุล่วงไปหมดพร้อมทั้งยังได้พบปะกับ “เพื่อนพ้อง” ทั้งที่เป็นนักเรียนรุ่นเดียวกันและเคยร่วมงานกันมาก่อน หลาย ๆ คนจึงดึงตัวไปช่วยงานสำคัญ ๆ ทางด้านการ “ประชาสัมพันธ์” ของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ “อดีตเหยี่ยวข่าวบันเทิง” ผู้นี้ก็ไม่ขัดเพราะโดยนิสัยส่วนตัวแล้ว “ชอบช่วยเพื่อน” อยู่แล้วด้วยเหตุนี้ชีวิตช่วงนี้จึงพ้นสภาวะของคำว่า “ลำบาก” เพราะสิ่งใดที่เป็น “งาน” แล้ว “ไอ้โชติของเพื่อน ๆ” ทำได้ ทุกเรื่อง
    
หลังจากชีวิตพ้นสภาวะของคำว่า “ลำบาก” มาได้แล้วจึงมาทบทวนชีวิตแต่หนหลังก็ได้คำตอบให้ตัวเองว่าเพราะเป็นผู้ที่ยึดมั่นกับคำว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” นี่เองจึงทำให้ได้สัมผัสกับ “เหรียญสมเด็จโต” และหลังจากอาราธนาขึ้นแขวนคอแล้วชีวิตก็ดีขึ้นตั้งแต่นั้นมา “อดีตเหยี่ยว ข่าวบันเทิง” ผู้ไม่เคยสนใจกับ “วัตถุมงคล” มาก่อนจึงหันมาสนใจ “วัตถุมงคล” ด้วยการบูชามาอีกหลายองค์กระทั่งต่อมาได้  “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” จึงทราบว่ามี “พระกริ่ง” อยู่รุ่นหนึ่งที่เพื่อนเคยให้มานานแล้วคือ “พระกริ่งพระพุทธนวราชบพิตร” ที่ “วัดตรีทศเทพ” จัดสร้างขึ้นประการสำคัญเป็น “พระกริ่ง” อีกรุ่นที่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เสด็จฯทรงประกอบพิธีเททองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐ เมื่อทราบชัดจึงนิมนต์จาก “หิ้งพระ” อาราธนาขึ้นแขวนคออีกองค์เพราะยึดมั่นเป็น “ของดีที่ล้ำค่า” แล้วยัง “หายาก” อีกด้วยและเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง “ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง” ได้ชักชวนไปร่วมบุญ  “ทอดผ้าป่าสามัคคี” กับ “พระอาจารย์อุทัย ฌานนฺตโม” เจ้าอาวาส “วัดป่าห้วยลาด” อ.ภูเรือ จ.เลย ที่อยู่ระหว่างกำลังก่อสร้าง “ศาลาเฉลิมพระเกียรติ” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนม พรรษาครบ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ จึงขอมีส่วนร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลครั้งนี้ก็เลยได้รับวัตถุมงคล “จตุคามอินทรเทพแห่งแดนอีสาน” ที่ “พระอาจารย์อุทัย” หรือ “พระอาจารย์ติ๊ก” จัดสร้างขึ้นเพื่อสมนา คุณแก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์สร้าง “ศาลาเฉลิมพระเกียรติ” จึงได้ทราบประวัติความเป็นมาถึงเหตุที่ “พระอาจารย์อุทัย” ทำการจัดสร้าง “จตุคามอินทรเทพ” ก็ยิ่งเพิ่ม “ความศรัทธา” เพราะช่วง “ก่อนสร้าง” และ “ขณะสร้าง” พร้อม “หลังสร้าง” ได้ก่อปาฏิหาริย์ที่ “ยากจะอธิบายได้” ให้ประจักษ์หลาย ๆ เรื่องจึงนิมนต์ขึ้น “แขวนคอ” อีกองค์เพราะเป็นผู้ “ยึดมั่น” และเทิดทูน “พ่อแห่งแผ่นดิน” เหนือสิ่งอื่นใดมาตั้งแต่เกิดนั่นเองเพราะสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมากที่ได้สนองเบื้องยุคลบาทก็คือ “การจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนทางอิเล็กทรอนิกส์” ช่วง “ชั้นที่ ๑” (ป.๑-ป.๖) แล้วส่งมอบให้ “มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์” ที่ปัจจุบันทาง “มูลนิธิการศึกษาทางไกลฯ” นี้ก็ได้นำเผยแพร่ให้ “นักเรียน” ในถิ่นทุรกันดารได้เรียนหนังสืออย่างทั่วถึงทั่วประเทศ
      
และอีกเรื่องที่ขอฝากถึงผู้มีจิตศรัทธาวันนี้ (๔ พ.ย.) จะมีงาน “ทอดกฐิน” ที่ “วัดป่าห้วยลาด” จึงขอเชิญทุกท่านไปร่วมบุญกันเพื่อนำรายได้สมทบสร้าง “ศาลาเฉลิมพระเกียรติ” ในวโรกาสมหามงคลกับ “พระอาจารย์อุทัย” หรือหากจะร่วมบริจาคก็สอบถามได้ที่ ๐๘-๗๗๐๒-๔๖๔๘.
ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์