“อะไรในคออคนดัง” วันนี้ขอนำท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับของดี บนคอของ “หนุ่มไฮโซคนดัง” ด้านการบริหารธุรกิจโรงแรม คุณมณเฑียร ตันตกิตติ์ ที่แม้จะได้ชื่อเป็นหนุ่มนักเรียนนอกเพราะใช้เวลาไปศึกษาต่างประเทศ ยาวนานถึง ๑๒ ปีแถมจัดเป็น “คนรุ่นใหม่” แต่ชีวิตก็มีความผูกพันกับ “วัตถุมงคลไทย” เนื่องจากรู้จัก “แขวนพระเครื่อง” ตั้งแต่เริ่มเป็น “หนุ่มแตกพาน” จากเหตุที่เป็นทายาทของ “คุณบุญเนตร” และ “คุณหญิงทิพยวรรณ ตันตกิตติ์” ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม “โรงแรมมณเฑียร” และเป็นชาว “บาง รักกรุงเทพ” โดยกำเนิดชีวิตช่วงเด็กจึงเป็นศิษย์     “โรงเรียนอัสสัมชัญเซ็นหลุย” และ “โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก” แต่เรียนได้เพียง ๓ ปี ก็ต้องไปเรียนระดับ “ไฮสคูล” ที่ “เมืองบอสตันสหรัฐอเมริกา” กระทั่งจบจึงต่อ “ปริญญาตรี” ที่ “มหาวิทยาลัยบอสตันคอลเลจ” และระหว่างที่เรียนระดับปริญญาตรี ในช่วงปิดเทอมก็บินกลับบ้านเกิดเพื่อฝึกงานที่ “ธนาคารกรุงเทพ” กระทั่ง ๔ ปีผ่านไปก็คว้า “ปริญญาตรี” มาประดับตัวตามความตั้งใจแล้วต่อ ปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเดิมกันเลยจึงใช้ชีวิตอยู่ที่ “สหรัฐอเมริกา” นานถึง ๑๒ ปี จึงบินกลับมาเมืองไทยพร้อมทำงานด้าน “การเงินการ บริหาร” ที่ บริษัทเมอร์รี่ลิงค์ เพื่อหาประสบการณ์  จึงมาช่วยงานคุณพ่อบริหาร “โรงแรมมณเฑียร” โดยทำงานตั้งแต่ตำแหน่ง “ระดับล่าง” ที่เริ่มจาก FRONT OFFICE เพื่อหาประสบการณ์แบบไม่สิ้นสุด ล่าสุดจึงมากินตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการ” ทำหน้าที่บริหารกลุ่ม “โรงแรมมณเฑียร” ที่มีโรงแรมในเครือถึง ๓ โรงแรม คือ โรงแรมมณเฑียรสุรวงศ์, โรงแรมมณเฑียรพัทยา, โรงแรมมณเฑียรพระราม ๓ โดยมี “คุณแม่” ทำหน้าที่เป็นรองประธานกรรมการบริหาร พร้อมคอยดูแลงานด้าน “การกุศลของสมาคมต่าง ๆ” ด้วยเหตุนี้ “หนุ่มไฮโซ มณเฑียร” จึงถูกคุณแม่ดึงตัวมาช่วยงาน อีกด้านโดยคอยดูแลงานด้าน การเงินการบริหาร

 ส่วนเหตุที่สนใจ “พระเครื่อง” ก็เพราะ “คุณพ่อ” สะสมพระเครื่องไว้เยอะมาก “คุณมณเฑียร” เลยซึมซับพระเครื่องแบบถึงจิตถึงใจอีกคนอีกทั้งสมัยไปเรียนสหรัฐอเมริกา คุณพ่อได้มอบพระเครื่องให้ติดตัวไปด้วย “๒ องค์” คือ “พระสมเด็จจิตรลดา” และ “พระหลวงปู่ทวด” จึงอาราธนาทั้งสององค์ขึ้นแขวนคอกระทั่งกลับมาเมืองไทยก็ยังแขวนติดคอโดยตลอด ทั้งนี้ ก็เพราะมีประสบการณ์หลายเรื่องให้ประจักษ์ โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด ยอดเยี่ยมมากเพราะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองขณะขับรถจากโรงแรมมณเฑียรสุรวงศ์ เพื่อไปทำงานที่โรงแรมมณเฑียรพระราม ๓ ช่วงนั้น “ฝนตกหนัก” ถนนก็มืดสลัวจึงขับรถชิดเลนซ้ายสุดไว้เพื่อความปลอดภัย แต่ระหว่างขับไปดี ๆ ก็ไปเจอ “รถบรรทุกหกล้อ” จอดอยู่ข้างหน้าเลนซ้ายเช่นกันในระยะประชิดเนื่องจากรถบรรทุกไม่เปิดไฟท้ายให้สัญญาณใด ๆ ประจวบกับ “คุณมณเฑียร” ขับรถค่อนข้างเร็วดังนั้นพอมองเห็นรถบรรทุกที่จอดอยู่ข้างหน้าที่มีระยะห่างกันไม่ถึงสิบเมตร “คุณมณเฑียร” จึงรีบเบรกรถอย่างกะทันหันเพราะตกใจ ทำให้รถเสียหลักหมุนคว้างเพราะถนนรื่นแล้วจึงหยุดอยู่ “กลางถนน” ผลตามมา ก็คือรถเก๋งที่ขับตามหลังมา “เบรกตัวโก่ง” เช่นกันเพื่อจะได้ไม่ชนรถของ “คุณมณเฑียร” เลยทำให้คัน   อื่น ๆ ที่วิ่งตามมาติด ๆ “ชนท้ายกัน” เองถึง  “๖ คันรวด” โดยรถ“คุณมณเฑียร” ไม่ถูกชนแต่อย่างใดเลยจึงนับเป็นเรื่อง “เหลือเชื่อมาก” ซึ่งหลังจากทบทวนเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว “คุณมณเฑียร” จึงเชื่อว่าเป็นเพราะ “พระพุทธคุณ” ศรัทธาพระสมเด็จจิตรลดา พระเครื่องที่แขวนอยู่ในคอที่บันดาลให้เป็นไป

และล่าสุดเมื่อเดือนเศษนี้เอง “คุณพ่อ” มอบ “จตุคามรามเทพ” รุ่นทุ่งเศรษฐี ที่ร่วมสร้างกับ “คุณอั้ง เมืองชล” เพื่อนำรายได้สร้างอาคารสงฆ์อาพาธ ของโรงพยาบาลเสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพราะ “พระครูอุดมวิจารณ์” แห่งวัดเทพศิรินทราวาส พื้นเพเดิมเป็นคนร้อยเอ็ดไปเห็น “โรงพยาบาลเสลภูมิ” มีอาคารไม่เพียงพอกับ “พระสงฆ์” ที่มารับการรักษาจึงจำเป็นต้องสร้างอาคารเพิ่มโดยใช้งบประมาณกว่า ๓๐ ล้านบาท เลยต้องระดมทุนด้วยการสร้างจตุคามฯ รุ่น “ทุ่งเศรษฐี” ที่ยังเหลือพิธีพุทธา-เทวาภิเษกอีกเพียง ๒ วาระคือทำพิธีที่ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ในวันที่ ๕ พ.ย.นี้ เป็นวาระที่ ๔ และวันที่ ๖ พ.ย. ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วัดพระมหาธาตุฯ เป็นวาระที่ ๕ จึงอาราธนาขึ้นแขวนคออีกองค์พร้อมขอฝากถึง ผู้มีจิตเป็นกุศลร่วมสร้างอาคารโรงพยาบาลดังกล่าวข้างต้นได้กุศลดีมากเลย... ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
--------------------------------------------------------