เทวาลักษณะจตุคามรามเทพ ที่เราคุ้นตาเป็นอย่างดีคือ ประทับในท่า "มหาราชลีลา"อย่างไรก็ตาม หากจะอธิบายตามหลักวิชาประติมานวิทยา (Iconography)
ซึ่งหมายถึง การศึกษาลักษณะเรื่องราวรูปภาพ รูปเคารพ ที่เป็นงานศิลปะ โดยการพิสูจน์ พรรณนา ตีความ แยกแยะ ประวัติ และความหมายของวัตถุ หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องทางศาสนา และวัฒนธรรมเช่น การศึกษาสัญลักษณ์ และความหมาย ในงานศิลปะทางศาสนาของประติมากรรม และสถาปัตยกรรมโบราณ เป็นต้น
ท่ามหาราชลีลาเป็นท่าที่แสดงถึงอำนาจบารมีแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ที่ทรงกฤษดาภินิหาร แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ น่าเกรงขามและมีความเมตตาปรานีผสมผสานอยู่ในตัวอย่างกลมกลืน ลักษณะเป็นท่านั่งขาซ้ายเข่าราบกับพื้น มือซ้ายวางอยู่บนเข่า คล้ายกับพระพุทธรูปปางมารวิชัยเพียงแต่เป็นด้านซ้าย ส่วนพระพุทธรูปเป็นด้านขวา ส่วนขาขวายกแบบชันเข่าขึ้น มือขวาบริเวณข้อมือวางอยู่บนเข่า ฝ่ามือแบออก
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับการสร้างจตุคามฯคือ อ.มนตรี จันทพันธ์ ผู้ให้กำเนิดแม่พิมพ์ และแกะแม่พิมพ์องค์จตุคาม-องค์รามเทพรุ่นสุริยัน-จันทรา และพระพุทธสิหิงค์ ปี ๒๕๓๐ รุ่นแรกของไทยตัวจริงออกแบบสร้างจตุคามฯ รุ่นใหม่เป็นรูปประทับยืน
"ในนิมิตตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ ได้รับมีดครูจากองค์เทพจตุคามฯ ท่านขอเอาไว้หนึ่งเรื่องว่า หากต้องการทำอะไรเพื่อถวายองค์เทพจตุคามฯ ท่านขอให้ทำศาล แล้วขอให้ทำองค์เทพจตุคามฯ รูปยืนลอยตัวเท่านั้น ห้ามทำรูปนั่งอีก ท่านจะไม่เอา โดยสัญญากับท่านเอาไว้ตั้งแต่วันนั้นมา วันนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำสักที" นี่คือเหตุผลของ อ.มนตรี
พร้อมกันนี้ อ.มนตรี ยังบอกด้วยว่า ตามความเป็นจริง องค์จตุคามรามเทพ อยู่ตรงบันไดทางขึ้นพระบรมธาตุ วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช เป็นองค์นั่ง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ช่วงที่มีการปรับปรุงพระบรมธาตุ แต่องค์จริงของท่านองค์จตุคามฯ คือ องค์ที่อยู่ตรงบานประตู ตามคำบอกขององค์จตุคามฯ ไม่ใช่พระพรหมกับพระนารายณ์ ตามที่หลายคนเข้าใจ เพราะคงไม่มีที่ไหนสร้างพระพรหมมีสองหน้า พระพรหมที่ถูกต้องต้องมี ๔ หน้า แท้จริงแล้ว ที่เราเห็น ๒ หน้านั้นคือ องค์จตุคามฯ ส่วนที่เราเห็นเป็น ๖ หน้านั้น คือ องค์รามเทพอีกทั้งการออกแบบดังกล่าวป้องกันการลอกเลียนแบบ และได้จดลิขสิทธิ์ไว้แล้ว
ทั้งนี้อ.มนตรี เล่าย้อนให้ฟังว่า ในปี ๒๕๓๑ ทำงานให้ทางพระบรมมหาราชวัง ช่วงนั้นมีหนี้สินอยู่ประมาณ ๒ ล้านบาท เชื่อไหมว่าองค์เทพจตุคามฯ มาเข้าฝันแล้วบอกหวยถูก ได้เงินไปใช้หนี้จนหมด ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านไม่ใช่เกิดกับตนเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว แต่ยังคงเกิดอีกหลายครั้ง แล้วมีอยู่หลายครั้งที่ท่านมาทวงถามว่าเมื่อไรจะสร้างจตุคามฯ รูปยืนลอยตัวให้ กระทั่งปลายปี ๒๕๔๙ มาเข้าฝันแล้วถามว่าจะสร้างจตุคามฯ รูปยืนลอยเมื่อไร ครั้งนั้นได้บอกท่านไปว่าจะสร้างได้อย่างไรในเมื่อไม่มีเงิน ท่านบอกว่า สร้างไปก่อน เดี๋ยวเงินจะมาเอง ระหว่างนี้จึงให้ อ.สมพงษ์ เพื่อนรุ่นน้องเป็นผู้ปั้นรูปยืนองค์จตุคามฯ องค์ยืนลอยตัวราคา ๒ แสนบาท
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ อ.มนตรี ได้สร้างจตุคามฯ รุ่น "ล้านนา" พิมพ์ ๓ ครูบา รูปเหมือนองค์จตุคามฯ สูง ๑.๑๙ เมตร และองค์พระรามเทพ สูง ๑.๑๖ เมตรเพื่อประดิษฐานไว้ที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อเผยแพร่พระบารมีขององค์พ่อไปยังภาคเหนือ ในพื้นที่ตั้งศาลทั้งหมด๔ ไร่ ออกแบบศาลโดย อ.มนตรี อีกเช่นกัน
ต่อมาได้พบกับเพื่อนที่อยู่วัดพรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช จึงปรึกษากันว่า จะหาเงินช่วยวัด เพื่อรักษาคนที่ถูกงูกัด โดยได้สร้างจตุคามฯ พิมพ์หัวเรือ รุ่น "ดังไม่รู้จบ" ใช้ยันต์หัวตั้งดังไม่รู้จบ เป็นลักษณะยันต์คู่หน้าหลัง ๓๔ คู่ แล้วการเขียนทั้งสองด้านและออกแบบ เกิดจากนิมิตตามคำบอกขององค์เทพจตุคามฯ ซึ่งจะมีพิธีกดพิมพ์นำฤกษ์พร้อมให้เช่าบูชาได้ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ ณ วัดพรหมโลก
"เมื่อหาเนื้อที่ได้ สร้างโครงศาลที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ ผมจะตกแต่งให้เป็นลักษณะตั้งแต่สมัยศรีวิชัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มารวมกัน คงต้องใช้เวลาประมาณ ๑๐ ปี งบประมาณที่ใช้ ๑๐ ล้านบาท วันนี้ผมอายุ ๕๕ ปีแล้ว ตั้งแต่เกษียณราชการออกมา จนถึงวันนี้ ผมยังไม่มีเงินเก็บเลย แถมยังเป็นหนี้เขาอีก เพราะผมเป็นช่างที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ไม่เคยคิดโกงใครกิน ที่ผ่านมา ผมทำงานถวายพระราชวังเป็นส่วนใหญ่ และการสร้างพิพิธภัณฑ์ ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจทำเพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษา และเพื่อให้เป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป" อ.มนตรี กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตามในการจัดสร้างจตุคามฯ รุ่นนี้ ทางวัดจะนำปัจจัยส่วนหนึ่งร่วมสมทบทุนก่อสร้างพิพิธภัณฑ์จตุคามฯพร้อมศาลองค์จตุคามฯ ที่ จ.นครปฐม เพื่อให้เป็นที่ศึกษาของคนในชาติต่อไป
ท่านที่มีจิตศรัทธาในองค์เทพจตุคามฯ สามารถร่วมสมทบทุนได้โดยสอบถามรายละเอียดได้ที่ อ.มนตรี จันทพันธ์ ๕๕/๗๒ ถนนบรมราชชนนี (ซอย ๑๐๑ ) แขวงศาลาธรรสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.๑๐๑๗๐ ทัศนะนักวิชาการ
อ.รามวัชรประดิษฐ์ อาจารย์ประจำสาขาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก นักโบราณคดี บอกว่า การจำลองรูปองค์จตุคามฯ มาเป็นเครื่องรางของขลัง เป็นท่านั่งที่นำมาจากเทวรูปที่วิหารทรงม้า วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช เป็นท่านั่งแบบโบราณ ที่เรียกว่า นั่งแบบมหาราชลีลา ซึ่งเป็นท่านั่งของพระอิศวร หรือเทพที่ดูประหนึ่งว่า กำลังจะเคลื่อนออกจากอาสนะ พอได้สร้างเป็นเครื่องรางจึงมีความเหมาะสม แล้วมีการทำกันออกมาไม่สูง ได้สัดส่วนพอดี
ดังนั้นเมื่อมีการออกแบบองค์จตุคามฯ ในรูปแบบยืนตรงบานประตูตรงนั้น มีคนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นลักษณะของทวารบาล ที่หมายถึงผู้เฝ้าประตู ซึ่งก็ได้แก่ท้าวจตุโลกบาล ตรงนี้อาจจะถือได้ว่า เป็นท้าวจตุคามฯ
"การออกแบบจตุคามฯ มาแบบนี้ ถ้าเราไม่พูดถึงการนิมิตของ อ.มนตรี มันจะเป็นสไตล์ขององค์จตุคามฯ ที่เป็นลักษณะกลมมาเป็นลักษณะยืน ผมบอกได้เลยว่า การสร้างออกมาในลักษณะนี้ จะเป็นการแหวกตลาดจตุคามฯ แต่จะสร้างกระแสจตุคามฯ ได้อีกหรือไม่ ตรงนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ แต่ผมเองก็คิดว่า สิ่งสำคัญท่าน อ.มนตรี ต้องพยายามสื่อความหมาย ที่ซ่อนอยู่ข้างในขององค์จตุคามฯ ปางยืน เหมือนพระพุทธรูปปางลีลาของสุโขทัยที่โด่งดังมาก่อน" อ.ราม กล่าว
เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง
ภาพ สุรจิตร ศิริ
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ : |