หลังจากพิธีกรรมเทพชุมนุมตัดชัย ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากนั้นอีกราว ๓ สัปดาห์ องค์พ่อได้กำหนดให้กระทำพิธีการสำคัญยิ่ง อีก ๒ พิธีกรรม คือ พิธีตอกหัวใจสมุทร และ พิธีฝังหัวใจเมือง อันจะส่งผลกระทบต่อพสกนิกรทุกรูปนาม ที่อาศัยอยู่ในดินแดนกรุงศรีธรรมาโศก หรือ อาณาจักร ๑๒ นักษัตร์ แต่เดิม ปัจจุบัน ก็คือ เมืองนครศรีธรรมราช และดินแดนใกล้เคียง ที่เคยเป็นเมืองขึ้น หรือ เมือง ๑๒ นักษัตร์มาก่อน เช่น เมืองสาย (อ.สายบุรี จ.ปัตตานี) ที่ใช้สัญลักษณ์รูปหนู (ปีชวด) , เมืองตานี (จ.ปัตตานี) ที่ใช้สัญลักษณ์รูปวัว (ปีฉลู), เมืองพัทลุง (จ.พัทลุง) ใช้ตรางูเล็ก (ปีมะเส็ง), เมืองตรัง (จ.ตรัง) ใช้ตราม้า (ปีมะเมีย), เมืองชุมพร (จ.ชุมพร) ใช้ตราแพะ (ปีมะแม) เมืองตะกั่วป่า (อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา) ใช้ตราหมา, เมืองกระ (อ.กระบุรี จ. ระนอง) ใช้ตราหมู ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งพิธีกรรมทั้งสอง ได้มีการบันทึกและเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมีรายละเอียดดังนี้

๘. พิธีกรรมตอกหัวใจสมุทร เพื่อให้ดวงชะตาเมืองถูกบรรจุด้วยธาตุทั้ง ๔ กระทำ ณ สี่แยกคูขวาง เมื่อวันพุธที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๙ ตรงกับแรม ๑๒ ค่ำ เดือนยี่ เวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. โดยนายอเนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยนั้น เป็นประธานแทน ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ การที่เลือกบริเวณกลางสี่แยกคูขวาง เป็นจุดตอกหัวใจสมุทร เพราะจุดดังกล่าวได้ศูนย์กับองค์พระธาตุ ภูเขามหาชัย และได้ศูนย์กับทิศทั้ง ๘ ตามตำราของชาวเมืองสิบสองนักษัตร์

พิธีกรรมนี้สำคัญยิ่ง ถึงขนาดต้องใช้ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินในขณะนั้น มาเป็นประธานในพิธี ซึ่งแต่เดิมนั้นได้เรียนเชิญ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธาน แต่เนื่องจากท่านติดภาระกิจอื่น จึงได้มอบหมายให้ นายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นตำแหน่งเจ้าเมือง หรือ เจ้าพระยาผู้ครองนครแต่เดิม เป็นประธานในพิธีแทน สถานที่ที่ใช้ในการประกอบพิธี คือ สี่แยกคูขวาง ซึ่งผมเองก็คงบอกหรือบรรยายให้ทราบไม่ได้ว่า คือ บริเวณใดของตัวเมือง เพราะยังไม่เคยไปเมืองคอนกับเขาสักที เหตุที่ใช้สถานที่นี้ เพราะต้องตามตำราของชาวเมืองสิบสองนักษัตร์ เนื่องจากจุดดังกล่าว ได้ศูนย์ (หรือ มีองศาตรงกัน ตามหลักวิชาฮวงจุ้ยของจีน) กับองค์พระบรมธาตุ และภูเขามหาชัย อีกทั้งยังได้ศูนย์ หรือ เป็นศูนย์กลาง ในตำแหน่งที่พอเหมาะพอดีกับทิศทั้ง ๘ อีกด้วย

สถานที่ที่ใช้ในการตอกหัวใจสมุทรนี้ จะเป็นสถานที่เดียวกันที่จะใช้ในการประกอบพิธีฝังหัวใจเมือง  เมื่อถึงวัน เวลา ที่องค์พ่อท้าวจตุคามรามเทพได้กำหนดไว้ คำว่า “ตอก” ในที่นี้ ก็คือ การขุดหลุมให้ลึกลงไป ๙ ศอก หรือ ลึกจนถึงตาน้ำ คือ ลึกจนถึงรอยน้ำซึมออกมา ก้นหลุมเปียกชื้น เป็นใช้การได้ แต่อย่าให้กับถึงน้ำไหลซึมออกมาท่วมหลุมเป็นอันขาด เพราะจะต้องใช้หลุมนี้ สำหรับฝังหัวใจเมือง และสิ่งของในการประกอบพิธีฝังอาถรรพณ์อีกหลายอย่างลงไป

คำว่า “หัวใจสมุทร” นั้น ก็เพื่อให้มีความหมายว่า ณ สถานที่แห่งนี้ ต่อไปในภายภาคหน้า จะเป็นจุดศูนย์กลางของความเจริญทั้งมวล เป็นที่ตั้งของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ไพศาล กว้างไกลประดุจท้องทะเลและมหาสมุทร

ผมได้ลองผูกดวงฤกษ์ในวันทำพิธีตอกหัวใจสมุทรดูแล้ว ปรากฎว่า ท่านเลือกเอาวันพุธ เนื่องจากดาวพุธ (๔) ในความหมายของโหราศาสตร์ คือ ดาวแห่งการติดต่อสื่อสาร การเดินทางสัญจรไปมา ที่เลือกเอาเวลาเย็น ใกล้ค่ำ ยามสนธยา อากาศโพล้เพล้ เนื่องจาก ในช่วงดังกล่าว เป็นช่วงรอยต่อ ระหว่างกลางวันกับกลางคืน ได้รับพลังแห่งแสงสุริยัน และจันทรา ไปพร้อมกัน เพราะถือเคล็ดที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นกลางวัน หรือ กลางคืน เมืองนครศรีธรรมราชนี้ จะต้องคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา เป็นเมืองที่ตื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่มีการหลับใหล หรือ เงียบเหงาซบเซาอีกต่อไป

ท่านวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการเอาไว้ที่ ราศีสิงห์ (ธาตุไฟ) ใน มหัทธโณฤกษ์ อันเป็นฤกษ์เศรษฐี ก็เพื่อต้องการให้ตรงนี้ เป็นจุดศูนย์กลางของความเจริญรุ่งเรืองในด้านเศรษฐกิจ เพื่อที่จะให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีฐานะร่ำรวยเป็นเศรษฐีทุกถ้วนหน้า ที่สำคัญยิ่งก็คือ ตำแหน่งดาวพุธ (๔) ในดวงทำการนั้น เป็นดาวเจ้าเรือนการเงิน  จรอยู่ในภพปัตนิ หรือ เล็งลัคนา โดยมีดาวพฤหัสบดี (๕) ศุภเคราะห์ที่ให้คุณในด้านความเจริญรุ่งเรือง ความอุดมสมบูรณ์ และเป็นเจ้าเรือนปุตตะ (หมายถึง พสกนิกรชาวเมือง) กุมอยู่ จึงนับว่า ดวงฤกษ์ทำการนี้ เป็นดวงฤกษ์พิธีที่ดีเยี่ยมดวงหนึ่ง

ก็อย่างที่กล่าวไว้ในคราวที่แล้วว่า ดวงฤกษ์ทำการนั้น เป็นดวงฤกษ์เฉพาะกิจ ส่งผลดีให้ในขณะนั้น และผู้เข้าร่วมพิธีกรรม เป็นดวงส่งเสริมหรือส่งผลดี ผลเสียในภายหลังได้ก็จริง แต่เราจะนำดวงฤกษ์ทำการ มาใช้ในการพยากรณ์ไม่ได้เป็นอันขาด ไม่เหมือนกับดวงกำเนิด หรือ ดวงก่อตั้ง ซึ่งเป็นดวงสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อบุคคล หรือ สถานที่นั้น ๆ ที่จะส่งผลดีร้ายตั้งแต่เกิด หรือ ก่อตั้ง จนกว่าบุคคลผู้นั้น หรือ สถานที่นั้น ดับสลายไป

๙. พิธีฝังหัวใจเมือง กระทำเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู เวลา ๑๑.๓๙ น. ณ จุดตอกหัวใจสมุทร ด้วยการขุดหลุมลึก ๙ ศอก (ลึกจนถึงน้ำ) เจ้าพิธีอ่านโองการ อุปกรณ์พิธีกรรมฝังหัวใจเมือง ประกอบด้วยสิ่งของ ๗ ชนิด คือ หัวใจเมือง ทำด้วยดินเผาผสมทรายหาดทรายแก้ว จากวัดพระบรมธาตุ จำนวน ๗ ชิ้น แต่ละชิ้นกว้าง ๙ นิ้ว ยาว ๙ นิ้ว หนา ๒ นิ้ว เขียนดวงชะตาเมือง หัวใจเมือง มีอยู่ ๓ ชิ้นที่ได้นำเอาโลหะมงคล ทอง นาก เงิน (สามกษัตริย์) ปิดหน้าคั่นกลางระหว่างแผ่นหัวใจเมือง แผ่นไม้ตะเคียนทอง กว้างและยาว ๑๒ นิ้ว รองรับแผ่นหัวใจเมือง

แผ่นไม้นี้ องค์จตุคามรามเทพกรีดโลหิต เขียนคาถาอาคม หัวใจพ่อ หัวใจแม่ ทำจากไม้ตะเคียนทอง กลึงเป็นรูปบัวตูมยาวประมาณ ๑ ศอก จำนวน ๒ อัน ฝังลงในหลุมรวมกับแผ่นหัวใจเมือง ดินจากทุกตำบล ทุกหมู่บ้านในเมืองสิบสองนักษัตร ที่ประชาชนนำมาใส่ลงในหลุมด้วย วัตถุธาตุแทนธาตุ ๔ ประกอบด้วย ถ่าน (แทนธาตุไฟ) , เกลือ (แทนธาตุน้ำ) , ข้าวเปลือก (แทนธาตุลม) , ทราย (แทนธาตุดิน) , พญาไม้มงคล ๙ ชนิด ได้แก่ ราชพฤกษ์ , ชัยพฤกษ์, กันเกรา, สัก, ทรงบาดาล, พยุง, ทองหลาก หรือทองหลาง, ไผ่สีสุก และขนุนทอง, ผ้าสี ๑๒ ผืน ผืนล่ะสี วางก้นหลุมเป็นลำดับแรก ทุกอย่างใส่ลงในหลุมทั้งหมด

พิธีฝังหัวใจเมืองนี่แหละครับ ที่จะส่งผลดีร้ายให้กับชาวเมืองนครศรีธรรมาโศก หรือชาวนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน และดินแดนที่เป็นเมืองสิบสองนักษัตร์แต่เดิม ก็คือ อำเภอและจังหวัดต่าง ๆ ที่ได้กล่าวข้างต้นตลอดไป จนกว่ากรุงศรีธรรมาโศก จะล่มสลายลงไป เพราะวันและเวลาดังกล่าว ถือเป็นวันกำหนดฤกษ์พิธีให้กำเนิดดวงเมืองขึ้นมาใหม่  แทนดวงเมืองเก่าที่ถูกทำลาย หรือ ตายจากไปแล้ว จะเรียกว่า ตายแล้วฟื้น หรือ ตายแล้วเกิดใหม่ ก็คงไม่ผิดความจริงนัก วัน และเวลาที่ใช้ในการประกอบพิธี ถือเป็นวันกำเนิดดวงเมือง เราสามารถนำเอาดวงชะตากำเนิดดังกล่าว มาใช้ในการพยากรณ์ หรืออ่านเรื่องราวความเป็นไปของกรุงศรีธรรมาโศก จังหวัดนครศรีธรรมราชในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

พิธีกรรมการฝังหัวใจเมือง  ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่ต่อเนื่องจากพิธีกรรมฝังหัวใจสมุทร โดยมีระยะเวลาของวันเวลา กว่าจะได้ฤกษ์งามยามดี ก็ห่างจากวันประกอบพิธีฝังหัวใจสมุทรถึง  ๒ เดือน กับอีก ๔ วัน ในวันและเวลาดังกล่าวที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า และทำการผูกดวงออกมานี่แหละ คือ ดวงเมืองนครศรีธรรมราช ดวงใหม่ แทนดวงเก่าที่ถูกเผาทำลายไป

พิธีกรรมการฝังหัวใจเมือง เป็นพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดกว่าทุกพิธีกรรมที่องค์พ่อกำหนดไว้ เราจะเห็นได้ว่า ประธานในพิธี คือ ร่างทรงขององค์พ่อ ที่ประทับร่างนายอะผ่อง สกุลอมร นั่นก็เท่ากับว่า ท่านท้าวจตุคามรามเทพ ทรงเสด็จมาเป็นองค์ประธาน และร่วมประกอบพิธีกรรมด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงกรีดโลหิตของร่างทรง ซึ่งเปรียบเสมือนพระโลหิตของพระองค์เอง เขียนคาถาอาคม ยันต์หัวใจพ่อ ยันต์หัวใจแม่ ลงบนแผ่นไม้ตะเคียนทอง ที่ทำเป็นรูปดอกบัวตูม ยาวประมาณ ๑ ศอก จำนวน ๒ อัน เปรียบเสมือน หัวใจพ่อ และ หัวใจแม่ ฝังลงในหลุมพร้อมกับหัวใจเมือง ซึ่งก็เปรียบได้กับ เมืองนครศรีธรรมราชที่เกิดใหม่นี้ ผู้ให้กำเนิด คือ องค์ท้าวจตุคามรามเทพ พระองค์จะทรงปกปักรักษา ดูแลบ้านเมืองของพระองค์ตลอดกาลนาน กว่านครศรีธรรมราชจะแตกดับหรือล่มสลายลงไปตามวัฏจักร

ดวงชะตาเมืองที่เขียนบนหัวใจเมือง ที่ทำด้วยดินเผาผสมทรายจากหาดทรายแก้ว อันเป็นที่ตั้งของวัดพระบรมธาตุ มีจำนวนด้วยกันทั้งสิ้น ๗ ชิ้น แต่ละชิ้นกว้าง ๙ นิ้ว ยาว ๙ นิ้ว หนา ๒ นิ้ว ในขณะที่บรรจุลงในหลุม จะมีแผ่นทอง นาค เงิน หรือ ที่เรียกว่า สามกษัตริย์ คั่นกลาง ระหว่างหัวใจเมือง และ แผ่นไม้ตะเคียนทอง หรือ แผ่นหัวใจพ่อ หัวใจแม่ โดยมีแผ่นไม้ตะเคียนทองอีกแผ่นหนึ่ง ที่มีขนาดกว้างและยาว ๑๒ นิ้ว รองรับแผ่นหัวใจเมืองเอาไว้ โดยชั้นล่างสุด จะมีผ้าสี ๑๒ สี หรือ ผ้า ๑๒ นักษัตร์ ปูรองรับเอาไว้ และมีสิ่งของอาถรรพณ์ต่าง ๆ บรรจุลงไปด้วย คือ วัตถุที่แทนธาตุทั้งสี่ ,พญาไม้มงคล ๙ ชนิด, ดินจากทุกตำบลหมู่บ้านในเมือง ๑๒ นักษัตร์ บางเมืองในปัจจุบันไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ก็ต้องไปนำมาด้วย เช่น เมืองกลันตัน (รัฐกลันตัน) ที่ใช้สัญลักษณ์เป็นรูปเสือ หรือ ปีขาล, เมืองปาหัง (รัฐปาหัง) เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แห่งพิธีกรรม เพราะนี่คือ ดวงเมืองสิบสองนักษัตร์ หรือ กรุงศรีธรรมาโศก ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน

มาถึงตรงนี้ ก็เท่ากับว่า องค์พ่อท้าวจตุคามรามเทพ ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีธรรมาโศก หรือ เมืองสิบสองนักษัตร์ ท่านได้สถาปนาดวงเมืองของท่านขึ้นมาใหม่ แทนดวงเมืองเก่าที่ท่านได้ทำลายทิ้งไป ในขณะที่พระองค์ท่าน อยู่ในสภาวะเทพ นับเป็นสิ่งแปลกประหลาด มหัศจรรย์ ที่ไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อน จะเรียกว่า เทวดาสร้างเมือง หรือ เป็นการกลับฟื้นคืนชีพของเมืองสิบสองนักษัตร์ หรือ กรุงศรีธรรมาโศก ในยุคโลกาภิวัฒน์โดยเทวดาก็คงไม่ผิดความจริงนัก

ตราบใดที่ดวงเมืองสิบสองนักษัตร์ หรือ ดวงเมืองนครศรีธรรมราช ดวงใหม่ ที่สถาปนาในวันที่  ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู เวลา ๑๑.๓๙ น. ยังคงอยู่คู่กับจังหวัดนครศรีธรรมราช ย่อมจะส่งผลดี ผลร้ายแก่ชาวเมืองนคร ฯ และดินแดนที่เคยอยู่ในอาณานิคม คือ เมืองสิบสองนักษัตร์แต่เดิม แม้ปัจจุบันจะไปอยู่ในประเทศอื่น ก็ย่อมได้รับอิทธิพลจากดวงเมืองดังกล่าวไปด้วย ไม่แน่นะ ใครจะไปรู้ได้ว่า ในอนาคตกาลข้างหน้า ๔๐ หรือ ๕๐ ปี ๑๐๐ ปี จังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ กรุงศรีธรรมาโศกยุคใหม่ อาจจะกลับมายิ่งใหญ่ เป็นศูนย์กลางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ ครอบคลุมไปถึงมาเลเซียก็เป็นได้

แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ อิทธิพลของดวงเมืองดังกล่าวที่ส่งผลในปัจจุบัน เราจะเห็นว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจุดศูนย์กลางของความเชื่อในองค์ท่านท้าวจตุคามรามเทพ มีผู้คนทั่วประเทศ และต่างประเทศ ไม่เฉพาะมาเลเซีย ที่อยู่ใกล้เท่านั้น ลาว เขมร เวียดนาม แม้คนไทยในอเมริกา อังกฤษ ฯลฯ ต่างก็หลั่งไหลเข้ามายังจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสักการะบูชาองค์พ่อ และวัตถุมงคลของท่าน มีเงินสะพัดหมุนเวียนไม่ต่ำกว่าวันละ หนึ่งพันล้านบาท ทำให้ประชาชนชาวเมืองนครศรี ฯ อยู่ดีมีสุข ร่ำรวยกันทุกถ้วนหน้า หรือใครว่าไม่จริง (อ่านต่อฉบับหน้า)