ReadyPlanet.com


เศรษฐกิจใต้ดิน...ในเว็บไซต์


ความเฟื่องฟูของ....เศรษฐกิจใต้ดิน...ในเว็บไซต์
"เศรษฐกิจใต้ดินผ่านระบบออนไลน์" ที่เติบโตจนกลายเป็นตลาดระดับโลกที่มีการซื้อขายกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ สินค้าที่ได้จากการขโมย
ที่มา...www.matichon.co.th
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11246 มติชนรายวัน


" มูลค่าการเสนอซื้อขายสินค้าที่โฆษณาผ่านเซิร์ฟเวอร์ในระบบใต้ดินตลอดช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าถึง 9,668 ล้านบาท" เป็นรายงานส่วนหนึ่งของ "ไซแมนเทค" ธุรกิจด้านซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย

แต่มีสิ่งที่น่า สนใจยิ่งกว่านั้น สำหรับรายงานฉบับใหม่ของ ไซแมนเทค ที่ชี้ให้เห็นถึง "เศรษฐกิจใต้ดิน" (Report on the Underground Economy)

โดยมีการ ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ "เศรษฐกิจใต้ดินผ่านระบบออนไลน์" ที่เติบโตจนกลายเป็นตลาดระดับโลกที่มีการซื้อขายกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ สินค้าที่ได้จากการขโมย หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการล่อลวง ซึ่งเป็นตลาดที่คาดการณ์ว่าสินค้าที่นำเสนอโดยผู้ขายในนามบุคคลมีมูลค่าสูง ถึงนับหลายล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

ข้อมูลดังกล่าวเป็นการรวบรวม มาจากเซิร์ฟเวอร์ในระบบเศรษฐกิจใต้ดิน ช่วงระยะเวลาตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2550 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 โดยองค์กรด้านเทคโนโลยีและการตอบสนองเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยของไซแมน เทค (Symantec?s Security Technology and Response - STAR)

จากการ เฝ้าสังเกตการณ์สินค้าทั้งหมดที่มีการเสนอซื้อขายใต้ดินในช่วงเวลาตามที่ รายงานไปนั้น สามารถประมาณการเป็นมูลค่าที่สูงถึง 276 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,668 ล้านบาท ประเมินจากค่าโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าและบริการ อีกทั้งได้ประมาณการว่าผู้ที่ลงโฆษณาจะมีการรายได้เท่าใดในกรณีที่มีการ จำหน่ายสินค้าหรือชำระค่าบริการเกิดขึ้นจริง



ข้อมูล บัตรเครดิตจัดอยู่ในประเภทของสินค้า หรือบริการที่มีการโฆษณาในระบบเศรษฐกิจใต้ดินมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 31 ของจำนวนสินค้าและบริการทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระบบในขณะที่มีการนำหมายเลข บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาขายในราคาที่ถูกมาก อยู่ที่หมายเลขละ 0.10 ถึง 25 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.5 ถึง 875 บาท โดยเฉลี่ยแล้วหมายบัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาและมีการโฆษณาในวงจำกัดสามารถคิด เป็นมูลค่ากว่า 4,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 140,000 บาท เมื่อคำนวณออกมาว่าบัตรเครดิตทั้งหมดที่มีการโฆษณาในช่วงเวลาตามที่รายงานไป สามารถประมาณการเป็นมูลค่าที่สูงถึงกว่า 5,300 ล้านเหรียญ หรือ 185,500 ล้านบาท

มีความเป็นไปได้สูงว่าข้อมูลบัตรเครดิตที่อยู่ในความนิยม นี้ จะถูกนำไปใช้ในการฉ้อฉลในหลายวิธีด้วยกัน เนื่องจากปัจจุบันเราสามารถนำบัตรเครดิตไปใช้จับจ่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ได้โดยง่าย และค่อนข้างยากในการที่ผู้ขายหรือผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะทำการตรวจจับได้ ก่อน ว่าการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการโกง ส่วนใหญ่มักจะเป็นหลังจากที่ผู้โกงทำธุรกรรมเสร็จสิ้นแล้ว และได้รับสินค้าแล้วด้วยซ้ำ นอกจากนี้ บ่อยครั้งที่ข้อมูลบัตรเครดิตจำนวนมากมายเหล่านี้ ถูกนำไปขายให้กับแก๊งต้มตุ๋น โดยอาจมีการลดราคาหรือมีการแถมหมายเลขเพิ่มให้ในกรณีที่ซื้อเป็นจำนวนมาก



สินค้า และบริการอีกประเภทที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองและมีการโฆษณาซื้อขายอยู่ ทั่วไปคือ บัญชีทางการเงิน คิดเป็นร้อยละ 20 ของสินค้าและบริการทั้งหมด ในขณะที่ข้อมูลบัญชีธนาคารที่ถูกขโมยและนำมาขายในราคาตั้งแต่ 10 เหรียญสหรัฐ ไปจนถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ (35 ถึง 3,500 บาทต่อบัญชี) ยอดเงินโดยเฉลี่ยของบัญชีธนาคารที่ขโมยมาและมีการโฆษณาขาย คิดเป็นมูลค่าสูงเกือบ 40,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,400,000 บาท)

ความ นิยมของข้อมูลบัญชีทางการเงิน อยู่ที่มีความเป็นไปได้สูงในการนำข้อมูลเหล่านี้มาทำเงินได้อย่างง่ายดายและ รวดเร็ว เช่นมีอยู่กรณีหนึ่ง ที่มีการถอนเงินในบัญชีผ่านระบบออนไลน์ไปไว้ในสถานที่ที่ไม่สามารถติดตามได้ โดยใช้เวลาในการดำเนินการเพียงแค่ไม่ถึง 15 นาที

ช่วงการรายงานนี้ สังเกตเห็นว่ามีผู้โฆษณาขายข้อมูลอย่างจริงจังถึง 69,130 ราย โดยมีจำนวนข้อความที่โพสท์ไว้ในเว็บใต้ดินสูงถึง 44,321,095 ข้อความ ซึ่งสินค้าทั้งหมดที่มีการโฆษณาโดยผู้โฆษณา 10 รายหลักๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตาขายข้อมูลอย่างจริงจังสามารถตีเป็นมูลค่าโดยแยกเป็นบัตร เครดิต 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (570 ล้านบาท) และบัญชีทางการเงิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ (70 ล้านบาท) นอกจากนี้ สินค้าที่โฆษณาโดยผู้โฆษณาจริงจังรายหนึ่งที่ตรวจพบในช่วงระหว่างการศึกษา ข้อมูลนั้น มีมูลค่าสูงถึง 6.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (224 ล้านบาท)

เศรษฐกิจ ใต้ดินนั้น แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่และสร้างรายได้ให้แก่บรรดาอาชญากรไซเบอร์จำนวน มาก ซึ่งมีทั้งที่เป็นรายบุคคลและที่ก่อตั้งขึ้นมาเป็นกลุ่มก้อนเพื่อดำเนินการ ที่ซับซ้อน ช่วงระยะเวลาที่มีการรายงานนั้น ทวีปอเมริกาเหนือเป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ของเครือข่ายใต้ดินมากที่สุดคิด เป็น 45% ของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด รองลงมาคือ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาอยู่ที่ 38% ตามด้วยเอเชียแปซิฟิก 12% และละตินอเมริกา 5% ซึ่งตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์จะเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ

เห็นชัดว่า วิทยาการถูกนำมาใช้ฉกฉวย แย่งชิง "ความเป็นตัวตนของมนุษย์" ยุคนี้มีราคาสูงและแพงมาก พอๆ ที่จะควักกระเป๋าแล้วหมดตัว จนถึงล้มละลาย เทคโนโลยีก็จัดการได้


ผู้ตั้งกระทู้ News กระทู้ตั้งโดยเว็บมาสเตอร์ โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2008-12-24 08:28:00