"แขวน คล้อง ห้อย" คำทั้ง๓ คำมีความหมายเดียวกันแต่ก่อนพระเครื่องขอกันได้ให้กันฟรีๆ แต่ปัจจุบันไม่ได้แล้ว ต้องเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น โดยให้"เช่าบูชา" พูดภาษาตลาดก็คือ "ซื้อขาย" นั่นเอง

นานาจิตตัง สำหรับผู้ศรัทธาจตุคามฯคือ บางคนชอบแขวนเนื้อผง สภาพเดิมๆบางคนชอบแขวนผงเพ้นท์สี บางคนชอบแขวนเนื้อโลหะ บางคนชอบแขวนรูปหล่อลอยองค์ ในขณะที่บางคนยึดเอาวัด หรือผู้จัดสร้างเป็นที่ตั้ง

"แขวนพระอะไรเช่าพระรุ่นไหนดีที่สุด?" เป็นคำถามที่คนในวงการพระ มักถูกถามกันบ่อยๆ มาในยุคจตุคามรามเทพฟีเวอร์คำถามก็เปลี่ยนเป็น "แขวนจตุคามฯรุ่นไหน เช่าจตุคามฯ จากสำนักใด หรือใครสร้างดีที่สุด?" 

คำถามเหล่านี้ ถือว่า เป็นปัญหาโลกแตกที่เหล่าบรรดาทั้งเซียนพระเซียนจตุคามฯ ตอบยาก แต่ผมจะตอบกลับไปว่า "แขวนจตุคามฯรุ่นไหนดีเหมือนกัน ขอให้เป็นจตุคามฯ ก็แล้วกัน" 

เหตุที่ทำให้คนแห่เช่าจตุคามฯรุ่นใดรุ่นหนึ่ง มากเป็นพิเศษนั้น เพราะผู้จัดสร้างบางคน บางกลุ่ม  รวมทั้งพระที่ประกอบพิธี ได้ปรุงแต่งจนพิสดาร การโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่มักกล่าวอ้างถึงประสบการณ์เกี่ยวกับอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆของวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ เช่น มีผู้นำไปแขวนบูชาแล้ว ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามไม่เข้า รถประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ แล้วไม่ได้รับอันตราย หรือเมื่อนำไปบูชาแล้ว ประสบโชคลาภความร่ำรวย กิจการงานราบรื่น ฯลฯ  รวมทั้งการนำเสนอของสื่อต่างๆ โดยเฉพาะจากโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์รายวัน ที่มีการเสนอข่าวคราวความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคล และกระแสความคลั่งไคล้ของผู้คน ที่มีต่อจตุคามรามเทพอย่างต่อเนื่อง ได้กลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้วัตถุมงคลจตุคามรามเทพได้รับความสนใจ และเกิดการเสาะหาบูชากันอย่างแพร่หลาย  บนพื้นฐานของความเชื่อถือศรัทธา และความคาดหวังว่า จตุคามรามเทพจะสามารถคุ้มครองให้ปลอดจากภยันตราย และบันดาลให้ได้รับความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ โดยเฉพาะในด้านที่จะอำนวยโชคลาภความร่ำรวยและความสำเร็จในกิจการงานต่างๆ ให้แก่ผู้สักการบูชา  

ขณะเดียวกันเราต้องยอมรับว่ากระแสฟีเวอร์ของจตุคามฯ นอกเหนือจากความเชื่อถือศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิปาฏิหาริย์แล้ว  สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้มีผู้นิยมเสาะแสวงหาวัตถุมงคลจตุคามฯ หรือเก็บสะสมไว้ น่าจะได้แก่ความคาดหวังในเรื่องมูลค่าทางการตลาด ที่เชื่อว่าจะเพิ่มมากขึ้น 

เรื่องหนึ่งที่ถูกนำมาพูดถึงกันมากก็คือ มูลค่าการซื้อขายวัตถุมงคลจตุคามฯ รุ่นแรก (สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐) ที่มีราคาแรกเริ่มจากราคาเพียงไม่กี่สิบบาท แล้วราคากลับพุ่งสูงขึ้นถึงหลักหลายๆ แสน อย่างน่าอัศจรรย์ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียง ๒๐ ปี ซึ่งไม่มีวัตถุมงคลใดที่มีมูลค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงมากเท่านี้มาก่อน ได้กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการสะสมวัตถุมงคลจตุคามรามเทพที่สร้างตามมาในช่วงหลังๆ อีกหลายรุ่น โดยหวังว่า วัตถุมงคลดังกล่าว จะมีมูลค่าที่สูงขึ้นบ้างในอนาคต

และปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจคือ มีลักษณะของการผูกขาดกลายๆ โดยบุคคลบางกลุ่ม (รวมถึงทั้งพระภิกษุบางรูป) ด้วยการอ้างความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ในการที่จะติดต่อกับองค์จตุคามฯได้ อ้างว่าเป็นต้นตำรับ อ้างว่าพิธีกรรมของตนเองถูกต้องสารพัดเหตุผลที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้าง จนนำมาซึ่งความขัดแย้ง การฟ้องร้อง และการอ้างกรรมสิทธิ์ในการสร้างรูปเคารพ หรือวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ในที่สุดก็มีการแบ่งแยกว่า วัตถุมงคลรุ่นนี้เป็นของดีมีราคา เนื่องจากมวลสารดี ผ่านพิธีปลุกเสกโดยเจ้าพิธีที่มีชื่อเสียง ส่วนรุ่นนั้นไม่ดี ไม่ควรเล่นหา เนื่องจากไม่ผ่านการเข้าพิธี หรือมีพิธีกรรมไม่ถูกต้อง ฯลฯ 

ประเด็นเรื่องไม่ผ่านการเข้าพิธี หรือมีพิธีกรรมไม่ถูกต้องนั้นโดยเฉพาะพิธีที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารและศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ร่างทรงที่อัญเชิญองค์จตุคามฯรวมทั้งเจ้าพิธี ไม่ได้หมายความว่า จตุคามฯ รุ่นนั้นๆ ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีจตุคามฯ หลายสิบรุ่น ที่ไม่ได้เข้าไปประกอบพิธีที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใน จ.นครศรีธรรมราช เลย เพียงแต่ประกอบพิธีปลุกเสกในอุโบสถเล็กๆ ก็ได้รับความนิยมจากผู้ศรัทธาอย่างล้นหลาม เช่น

จตุคามฯรุ่น "เศรษฐีรวยใหญ่โต" วัดปราโมทย์ต.บ้านปราโมทย์ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม จตุคามฯ รุ่น "พญาเต่าเรือนอัครมหาเศรษฐี" วัดไร่แตงทอง ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม จตุคามฯรุ่น"อสังหามหาเศรษฐี" และรุ่น"เจ้าสัวพารวย"ดร.ไพโรจน์สุขจั่น ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม บริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ สร้างถวายวัดโบสถ์(บน) จ.นนทบุรีเพราะเมื่อสมัยเด็กๆท่านเคยเป็นเด็กวัด และเติบโตมาที่วัดโบสถ์แห่งนี้ 

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากฝากเป็นข้อคิดอมตะวาจาประกาศิตจากองค์จตุคามฯ  ผ่านร่างประทับทรง (โกผ่อง) ที่ว่า "ขอได้ไหว้รับ"และ"ตราบใดที่น้ำทะเลยังไม่แห้ง มึงมีกูไว้ไม่จน" ซึ่งกาลเวลาได้ประจักษ์แล้วด้วยประสบการณ์นับหมื่นนับแสนราย จากเหนือจรดใต้ทั่วไทย และชื่อรุ่นแต่ละรุ่นก็สะท้อนปรัชญานี้ทั้งหมด เช่น รวยไม่รู้จบ รวยไม่มีเหตุผล รวยมหาศาล รวยเงินล้าน รวยทรัพย์นับหมื่นล้าน รวยล้นฟ้า ฯลฯ 

ในช่วงกระแสจตุคามฯขาลง ประโยคหนึ่งที่เขียนไว้ด้านหน้ากุฏิของพระราชธรรมสุธี(สมปองปญฺญาทีโป) เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารและเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ว่า "กูให้มึงรวยได้ กูก็เอาคืนได้ ถ้ามึงทำชั่ว" ถือว่าเป็นอมตะวาจาประกาศิตเช่นกัน

ก่อนจะเช่าจตุคามฯมาแขวนสักองค์ ไม่ว่าจะเช่าด้วยความศรัทธา หรือเช่าเพื่อหวังมูลค่าทางการตลาดในวันข้างหน้า ขอให้ระลึกอมตะวาจาประกาศิต "กูให้มึงรวยได้ กูก็เอาคืนได้ ถ้ามึงทำชั่ว" ซึ่งกำลังแสดงผลกับผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ใจผู้แสวงหาประโยชน์จากการจัดสร้างจตุคามฯ