ReadyPlanet.com


สินเชื่อชะลอ-ออกดอกเบี้ยฝากพิเศษ


แบงก์ยันดบ.ลดไม่กระทบสเปรด สินเชื่อชะลอ-ออกดอกเบี้ยฝากพิเศษแค่รักษาฐาน

ที่มา...ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4058

แบงก์แห่ออกดอกเบี้ยฝากพิเศษ รองรับเงินฝากเก่าที่ครบกำหนดเพื่อรักษาฐานลูกค้า ชี้เป็นการปรับลดต้นทุนฝากไปในตัว ย้ำไม่ได้มีปัญหาสภาพคล่อง ยืนยันไม่กระทบสเปรดดอกเบี้ย เพราะดอกเบี้ยกู้ ไม่ได้ลดลงมาก แม้มีสัญญาณสินเชื่อชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่แบงก์ต้องบวกค่าความเสี่ยงการปล่อยกู้ ด้านนักวิเคราะห์คาดแบงก์เมินลดตามดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อประคองสเปรดดอกเบี้ยไม่ให้ลงเร็ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังธนาคารกรุงเทพออกผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษ ระยะ 5 เดือน ดอกเบี้ย 3.50% ธนาคารแห่งอื่นก็ได้เคลื่อนไหวตาม อย่างล่าสุดธนาคาร กรุงศรีอยุธยา ออกเงินฝากประจำ 5 เดือน ดอกเบี้ย 3.50% วงเงินขั้นต่ำ 50,000 บาท ถึง 19 ธ.ค.นี้

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ความต้องการสินเชื่อในปีหน้ามีแนวโน้มชะลอตัวตามเศรษฐกิจที่คาดจะเติบโต 2-3% ขณะที่สินเชื่อจะเติบโต 5% จากปีนี้ ที่ 6-7% ส่วนการทบทวนปรับประมาณการขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างไรก็ตามแม้สินเชื่อชะลอตัว แต่การระดมและรักษาฐานเงินฝากยังเป็นภารกิจสำคัญ จึงเห็นการเสนอผลิตภัณฑ์ดอกเบี้ยพิเศษเหมือนปีก่อนๆ ส่วนภาระต้นทุนเงินฝากที่สูงขึ้นคงไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างดอกเบี้ยลดลง เพราะการปรับขึ้นหรือลดดอกเบี้ยจะไป ในทิศทางเดียวกันทั้งเงินกู้และเงินฝาก และแม้ดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มลดลง แต่จากที่คาดว่าลูกค้ามีความเสี่ยงสูงขึ้น อาจทำให้การคิดดอกเบี้ยกู้คงลดลงไม่ได้มากจากปัจจุบัน

นายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การออกผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคารต่างๆ ในช่วงนี้ เป็นการออกทดแทนเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษที่ทยอยครบกำหนดเพื่อรักษาฐานลูกค้าไม่ ให้ไหลไปธนาคารอื่น ไม่ใช่เป็นการระดมเงินเข้าธนาคารเพราะแนวโน้มสินเชื่อไม่ขยายตัวมาก ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากดังกล่าวไม่กระทบต่อส่วนต่างดอกเบี้ย เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ลดดอกเบี้ยกู้ลง ส่วนต้นทุนเงินฝากก็เริ่มทยอยลดลงจากการเริ่มปรับลดดอกเบี้ยฝากระยะยาวและ ดอกเบี้ยฝากระยะสั้น ก็จะเริ่มทยอยปรับลดลงตาม ดอกเบี้ยนโยบาย

" คิดว่าแบงก์ยังมีการขยายสินเชื่ออยู่ตามปกติ แต่อาจไม่ได้เยอะเหมือนช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้แบงก์ยังสามารถนำเงินไปลงทุนในตลาดพันธบัตรรัฐบาลได้" นายตรรกกล่าว

นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า การระดมเงินฝากในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เป็นภาระมากนัก แม้แนวโน้มสินเชื่อจะขยายตัวไม่มาก แต่ธนาคารสามารถนำไปปล่อยกู้ระยะสั้น, ลงทุนในพันธบัตร รวมถึงตั้งสำรองได้มากขึ้น อีกทั้งไม่ได้เป็นธนาคารขนาดใหญ่ ต้นทุนการดำเนินงานผ่านสาขาจึงไม่สูง มีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8% จึงยังมีความสามารถแข่งขันด้านดอกเบี้ยได้ดีอยู่

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า จากแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวลดลง จะส่งผลให้ดอกเบี้ยของธนาคาร ทั้งเงินกู้และเงินฝากปรับลดลงตาม แต่ต้นทุนการกู้ของลูกค้าอาจสูงขึ้นได้ตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากภาวะ เศรษฐกิจ เพราะจะถูกบวกเครดิตสเปรด เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ไทยเป็นดอกเบี้ย MLR ลบมานาน ต่อไปจะปรับเป็นดอกเบี้ย MLR หรือ MLR บวก

บริษัทหลัก ทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะลดดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันลงอีก 0.25-0.50% แต่ธนาคารพาณิชย์คงไม่ลดดอกเบี้ยลง ตามในทันที เนื่องจากยังต้องการรักษาฐานเงินฝากเพื่อบริหารสภาพคล่องและต้องการรักษา ส่วนต่างดอกเบี้ยไม่ให้ลดลงเร็ว

แต่หากเศรษฐกิจชะลอลงมาก ความต้องการสินเชื่อหดตัวลงรุนแรงและความเสี่ยงหนี้เสียเพิ่มขึ้น เอกชนเลือกจะฝากเงินมากกว่าใช้จ่ายและลงทุน จะทำให้ความตึงตัวของสภาพคล่องในสถาบันการเงินมีแนวโน้มผ่อนคลายลง ดังนั้นธนาคารอาจต้องการเก็บเงินฝากในระดับที่เหมาะสม ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนดอกเบี้ยมากไป อีกทั้งการปล่อยกู้ในตลาดเงินจะให้ผลตอบแทนลดลงตามดอกเบี้ยอาร์/พี 1 วัน จะเป็นสัญญาณให้ธนาคารจะทยอยปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5-1% ในปี 2552


ผู้ตั้งกระทู้ News กระทู้ตั้งโดยเว็บมาสเตอร์ โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2008-12-02 18:31:53